โลก 3 ขั้ว โอกาสเศรษฐกิจ อุตสาหกรรมไทย ในวันแบ่งขั้ว ขัดแย้งรุนแรง

23 มิถุนายน 2567
โลก 3 ขั้ว โอกาสเศรษฐกิจ อุตสาหกรรมไทย ในวันแบ่งขั้ว ขัดแย้งรุนแรง
  • โลกที่แบ่งขั้วและขัดแย้งรุนแรงที่เป็นปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ทำให้การค้าระหว่างประเทศเผชิญความไม่แน่นอน หลายคนอาจมองว่าเป็นวิกฤต แต่สำหรับประเทศไทย มีโอกาสทองทางเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมรออยู่
  • รายงานล่าสุดจาก Economic Intelligence Center (EIC) ชี้ให้เห็นว่าโอกาสทางเศรษฐกิจไทยเกิดขึ้นจากมหาอำนาจตั้งกำแพงภาษีใส่กัน ไทยในฐานะประเทศเป็นกลางมีโอกาสส่งออกสินค้าได้มากขึ้น มีโอกาสที่เศรษฐกิจเติบโตได้อีก 0.5% เม็ดเงินลงทุนในไทยเพิ่มขึ้นถึง 27.3%
  • อย่างไรก็ตามภาครัฐและภาคธุรกิจต้องปรับตัว เร่งพัฒนาศักยภาพ: พัฒนาสินค้าให้ตรงกับความต้องการของตลาดโลก, เพิ่มมูลค่าสินค้า, ปรับตัวเข้ากับเทรนด์ใหม่ๆ ควบคู่การกระจายความเสี่ยง: หาตลาดใหม่ พึ่งพาตลาดจีนให้น้อยลงและยกระดับประสิทธิภาพการผลิ

"ปัญหาภูมิรัฐศาสตร์" ที่มีขั้วอำนาจต่างๆขัดแย้งกันรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ส่งผลกระทบโดยตรงต่อบรรยากาศการค้าของโลก ทำให้การค้าโลกเผชิญความไม่แน่นอน ส่งผลต่อการส่งออกของไทยให้ได้รับผลกระทบ อย่างไรก็ตามปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ที่รุนแรงก็สร้างโอกาสทางเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมของไทยด้วยเช่นกัน

Economic Intelligence Center (EIC) เปิดเผยในรายงานเรื่อง “คว้าโอกาสอุตสาหกรรมไทยใวันที่โลกแบ่งขั้ว (Decoupling) รุนแรงขึ้น” เผยแพร่เมื่อเร็วๆนี้ว่า มีสาระสำคัญว่าการค้าระหว่างประเทศเชื่อมโยงภาคการผลิตทั่วโลกเป็นห่วงโซ่การผลิตเดียวกัน แต่ละประเทศเลือกนำเข้าสินค้า จากประเทศคู่ค้าที่เหมาะสมที่สุด โดยพิจารณาจากมิติต่าง ๆ เช่น ค่าจ้าง ผลิตภาพ และปัจจัยแวดล้อมอื่น           

การแบ่งขั้วทางเศรษฐกิจชัดเจนขึ้นและกีดกันการค้าระหว่างขั้วกันรุนแรงขึ้นจะทำให้รูปแบบโครงสร้างการค้าโลกและห่วงโช่การผลิตโลกเปลี่ยนแปลงไป เพราะประเทศที่มีจุดยืนทางภูมิรัฐศาสตร์แตกต่างกันจะค้าขาย ลงทุน และถ่ายทอดเทคโนโลยีระหว่างกันน้อยลง แต่ละประเทศจะหันมาค้าขายกับประเทศคู่ค้าที่ เหมาะสมรองลงมา แต่มีจุดยืนทางภูมิรัฐศาสตร์ไม่ขัดแย้งกันมากขึ้น

โลก 3 ขั้ว ประเทศเป็นกลางได้เปรียบ

SCB EIC แบ่งกลุ่มประเทศในโลกออกเป็น 3 กลุ่ม ที่อยู่ต่างขั้วได้แก่

1. สหรัฐฯ และประเทศที่มีจุดยืนทางภูมิรัฐศาสตร์ใกล้เคียงกันเช่น เม็กชิโก แคนาดา สหภาพยุโรป สหราชอาณาจักร ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย

2. จีนและประเทศที่มีจุดยืนทางภูมิรัฐศาสตร์ใกล้เคียงกัน เช่น ฮ่องกง รัสเซีย อิหร่าน สปป.ลาว กัมพูชา เมียนมา

และ 3.ประเทศที่มีบทบาทเป็นกลางในจุดยืนทางภูมิรัฐศาสตร์ เช่น อินเดีย อาเซียน-5 (สิงคโปร์ ไทย อินโดนีเซีย มาเลเซีย และฟิลิปปินส์) สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซาอุดีอาระเบีย บราซิล แอฟริกาใต้ โมรออกโก

ทั้งนี้การแบ่งขั้วทางเศรษฐกิจจะทำให้เศรษฐกิจและการค้าโลกชะลอตัวลงได้โดยผลการศึกษาพบว่าการตั้งกำแพงภาษีระหว่างขั้วสหรัฐฯ และจีนจะส่งผลทำให้มูลค่าการส่งออกรวมของโลกลดลง โดยเศรษฐกิจของโลกหดตัวน้อยกว่ามูลค่าการส่งออกโลก สะท้อนว่าประเทศที่แบ่งขั้วมีการปรับตัวโดยหันไปค้าขายกับตลาดที่ไม่ได้รับผลกระทบจากปัญหาภูมิรัฐศาสตร์โดยตรง

 โดยประเทศที่เป็นกลาง (รวมไทย) จะได้อานิสงส์จากการเบี่ยงเบนทางการค้า เมื่อประเทศที่แบ่งขั้วทางเศรษฐกิจตั้งกำแพงภาษีระหว่างกัน ทั้งสองฝ่ายจะต้องหันมานำเข้าสินค้าจากประเทศที่ไม่ได้มีจุดยืนทางภูมิรัฐศาสตร์ขัดแย้งกันมากขึ้น รวมถึงประเทศที่เป็นกลางและไทยซึ่งจัดอยู่ในกลุ่มนี้ด้วย

ทั้งนี้ผลการจำลองสถานการณ์ตามการศึกษาพบว่า ไทยจะมีเม็ดเงินลงทุนรวม (มูลค่าที่แท้จริง) เพิ่มขึ้นถึง 27.3%

ขณะที่การลงทุนจากเงินออมภายในประเทศจะเติบโตขึ้น 4.3% เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวขึ้นประมาณ 0.5% จากกรณีฐาน สะท้อนว่าโดยรวมแล้วการ เบี่ยงเบนการค้าและการลงทุนจะให้ผลบวกต่อเศรษฐกิจไทยมากกว่าผลข้างเคียงจากสินค้านำเข้าราคาถูกที่จะเข้ามาแข่งขันกับธุรกิจภายในประเทศ

อย่างไรก็ตาม การเบี่ยงเบนทางการค้าอาจไม่ได้มีแต่ข้อดีเสมอไป เพราะสินค้าส่งออกจากประเทศแบ่งขั้วอาจเข้ามาตีตลาดภายในประเทศที่เป็นกลางมากขึ้นและแย่งส่วนแบ่งตลาดของธุรกิจในประเทศ

โดยเฉพาะสินค้าราคาถูกจากจีนที่อาศัยความได้เปรียบในการผลิตขนาดใหญ่ (Economy of scale) ดังเช่นสถานการณ์ที่ผ่านมา ส่งผลให้หลายประเทศอาเซียน และไทยเริ่มมองเห็นปัจจัยเสี่ยงจากการระบายสินค้าส่งออกจากจีนที่เพิ่มขึ้นมากและการขาดดุลการค้ากับจีนสูงขึ้น


แหล่งที่มา : กรุงเทพธุรกิจ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

The information in the above report, publication and website has been obtained from sources believed to be reliable. However, Iron & Steel Institute of Thailand does not guarantee the accuracy, adequacy or completeness of the information. Any opinions or forecasts regarding future events may differ from actual events or results. In addition, Iron & Steel Institute of Thailand reserves the right to make changes and corrections to the information, including any opinions or forecasts, at any time without notice.